ชื่อเรื่อง นวัตกรรม/วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การส่งเสริมการอ่านเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามแนวทางการประเมิน PISA
ผู้วิจัย นางสุภารัตน์ เชื้ออินทร์
ปีการศึกษา 2567
วันที่เผยแพร่ 11 กุมภาพันธ์ 2568
บทคัดย่อ
การอ่านเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตของเราทุกคนเนื่องจากช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตและช่วยให้เราได้รับข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจต่าง
ๆ ในชีวิตประจำวัน จึงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า
ทักษะการอ่านเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีส่งผลให้วิธีการอ่านและการแลกเปลี่ยนข้อมูลเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตที่มีเพียงการอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์เท่านั้น
โดย PISA 2022 เป็นรอบการประเมินล่าสุดที่เน้นการประเมินด้านการอ่านเป็นหลักซึ่งได้ประเมินความฉลาดรู้ด้านการอ่านให้สอดคล้องกับโลกดิจิทัลในปัจจุบัน
โดยมีทั้งการใช้แหล่งข้อมูลเดียวและหลายแหล่งข้อมูล
รวมถึงมีการใช้บทอ่านที่หลากหลายด้วย
เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงคะแนนตั้งแต่การประเมินรอบแรกใน PISA 2000 จนถึง PISA 2022 พบว่า ผลการประเมินด้านการอ่านของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
และนักเรียนไทยทั้งกลุ่มที่มีคะแนนสูงและกลุ่มที่มีคะแนนต่ำต่างก็มีจุดอ่อนอยู่ที่ด้านการอ่าน
ดังนั้น
การยกระดับความสามารถด้านการอ่านของนักเรียนจึงถือเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับระบบการศึกษาไทย
จากการวิเคราะห์ทาง Data Science ด้วยเทคนิค Random Forest โดยใช้ข้อมูลของ PISA
2022 เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสำคัญต่อผลการประเมินของประเทศ
ซึ่งตัวแปรที่นำมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลที่ได้จากการตอบแบบสอบถามของนักเรียนและการตอบแบบสอบถามจากผู้บริหารโรงเรียน
ทั้งนี้ ผลการวิเคราะห์ของกลุ่มตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการอ่าน ได้ข้อค้นพบว่า มี 3 ปัจจัยที่มีความสำคัญและสัมพันธ์กับคะแนนการอ่านของประเทศไทย ได้แก่
การรู้คิด (Meta-cognition) ในการอ่านของนักเรียน ความเพลิดเพลินในการอ่านของนักเรียน และความหลากหลายของการอ่านทั้งในแง่ของรูปแบบของบทอ่านและประเภทของบทอ่าน
สำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กรทรวงศึกษาธิการ
ได้มอบนโยบายและจุดเน้น ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ 2567 – 2568 นโยบายที่ 4 ส่งเสริมการอ่านเพื่อเป็นวิถีในการค้นหาความรู้และต่อยอดองค์ความรู้ที่สูงขึ้น
ในข้อ 4.1 ส่งเสริมการอ่านเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต และข้อ 4.2 พัฒนาความสามารถด้านการอ่านตามแนวทางการประเมิน PISA
ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์และโรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดให้มีการขับเคลื่อนการส่งเสริมการอ่านเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามแนวทางการประเมิน
PISA ด้วยโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programme
for International Student Assessment หรือ PISA) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินคุณภาพของระบบการศึกษาในการให้ประชาชนมีศักยภาพหรือความสามารถพื้นฐานจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในโลกของการเปลี่ยนแปลง โดย PISA เน้นการประเมินสมรรถนะของนักเรียนเกี่ยวกับการใช้ความรู้และทักษะในชีวิตจริงมากกว่าการเรียนรู้ตามหลักสูตรในโรงเรียน
โดยนักเรียนโรงเรียนสนมวิทยาคารยังต้องได้รับการเตรียมความพร้อมรับการประเมิน PISA เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนานักเรียน
ให้นักเรียนมีคุณภาพการศึกษาที่ดีขึ้น โรงเรียนสนมวิทยาคารจึงได้มีการออกแบบการส่งเสริมการอ่านเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามแนวทางการประเมิน
PISA โดยการนำนวัตกรรม SNW - 6D Model สู่กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ Active
Learning เพื่อพัฒนาสมรรถนะความสามารถในการแก้ปัญหาและมีทักษะด้านการอ่าน
คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ตามแนวทางการประเมิน PISA
SNW - 6D Model เป็นนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่ดำเนินการตามวงจรคุณภาพ
PDCA โดย
S : Success & Quality Of Learner (มุ่งสู่ความสำเร็จและคุณภาพของผู้เรียน)
N : Networking in Acadamic (สร้างเครือข่ายทางวิชาการ)
W : Well-rounded Education (จัดการศึกษารอบด้าน)
และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามกระบวนการ 6D Model ดังนี้
D1: Define the problem (การระบุปัญหา/สถานการณ์)
D2: Diagnosing the problem (การวิเคราะห์ปัญหา/สถานการณ์)
D3: Devise and Design (การวางแผน/ออกแบบแก้ปัญหา)
D4: Doing the plan (การดำเนินการแก้ปัญหา)
D5: Discussion and Debate (การแลกเปลี่ยน/อภิปราย)
D6: Decision Assessment (การวัดและประเมินผล)
การส่งเสริมการอ่านเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามแนวทางการประเมิน PISA โดยการใช้นวัตกรรม SNW-6D
Model ส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อผู้เรียน
คือ
1) นักเรียนให้ความสนใจในกิจกรรมการเรียนการสอนมากยิ่งขึ้นและนักเรียนมีความดูแลเอาใจใส่การเรียน
2) ร้อยละของผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O – NET) ปีการศึกษา 2569 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ในระดับโรงเรียนมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าระดับประเทศ
3) ร้อยละของผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน
(O – NET) ปีการศึกษา 2566 ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิชาภาษาไทย วิชาคณิตศาสตร์
และวิชาวิทยาศาสตร์ มีระดับคะแนนเฉลี่ยที่สูงกว่าระดับคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ
ส่วนวิชาภาษาอังกฤษ มีระดับคะแนนเฉลี่ยที่ต่ำกว่าระดับคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ
4) นักเรียนมีความสุข
สนุกกับการเรียนและมีทัศนคติที่ดีที่ดีต่อการเรียน
5)
นักเรียนได้รับการส่งเสริมความสามารถเฉพาะด้านตามความสามารถของผู้เรียน
ส่งผลต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานสูงขึ้น