Vichakan.net - เผยแพร่ผลงานวิชาการ

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนรู้ตามแนวคิด การกำกับตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

ผู้วิจัย นางจุฑารัตน์ สุระโคตร

ปีการศึกษา 2568

วันที่เผยแพร่ 1 เมษายน 2568

บทคัดย่อ

ชื่อวิจัย      การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนรู้ตามแนวคิด

     การกำกับตนเอง  เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียน

     ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4  กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 

ผู้วิจัย        นางจุฑารัตน์  สุระโคตร

ปีที่วิจัย      2565-2566

 

บทคัดย่อ

 

           การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายของการวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนรู้ตามแนวคิดการกำกับตนเอง               เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4  กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 2)  เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนรู้ตามแนวคิดการกำกับตนเอง  เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ               ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4  กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนรู้ตามแนวคิดการกำกับตนเอง  เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนรู้ตามแนวคิดการกำกับตนเอง  เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

           การวิจัยครั้งนี้  ผู้วิจัยใช้วิธีดำเนินการวิจัยในลักษณะของการวิจัยและพัฒนา (Research 

and Development: R&D) มี 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและตรวจสอบรูปแบบ ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบ และขั้นตอนที่ 4 การประเมินรูปแบบ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนราษีไศล สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ  ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 34 คน ได้จาก      การสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random sampling)  โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม ใช้ระยะเวลา        ในการทดลอง 9 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง รวมเวลาการทดลอง 18 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้         ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบวิเคราะห์เอกสาร 2) ประเด็นการสนทนากลุ่ม 3) แบบสอบถาม         ความคิดเห็น 4) คู่มือการใช้รูปแบบการเรียนการสอน 5) แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ           ที่พัฒนาขึ้น 6) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 7) แบบทดสอบทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 8) แบบประเมินรูปแบบตามมาตรฐานการประเมิน 4 ด้าน และ 9) แบบสอบถาม    ความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบค่าที  (t - test)  

ผลการวิจัยพบว่า 

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับนำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนรู้ตามแนวคิดการกำกับตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะ              การคิดอย่างมีวิจารณญาณ พบว่า นักเรียนมีความเห็นว่าสภาพปัจจุบันโดยรวม ครูมีการจัดการเรียนการสอนในระดับมาก ( = 4.33, S.D. = 0.61) เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านที่มีการปฏิบัติ    มากที่สุด คือ ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน รองลงมาคือ และด้านสื่อและแหล่งเรียนรู้และด้านการวัดและประเมินผล ตามลำดับ จากการสนทนากลุ่มครูในโรงเรียน เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนา     การจัดการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ พบว่า       ให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง เปิดโอกาสให้นักเรียนได้คิด ลงมือปฏิบัติตามความถนัด เกิดปฏิสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นต่อตนเองและผู้อื่น รู้จักการทำงานและแบ่งงานกันทำ ฝึกความมั่นใจในตนเองและ     มีความรู้สึกที่เป็นอิสระโดยการเปิดโอกาสให้นักเรียนตั้งคำถามได้ด้วยตนเอง

2. ผลการสร้างและตรวจสอบรูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับ             การเรียนรู้ตามแนวคิดการกำกับตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียน           ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม พบว่า 2.1 รูปแบบ              การเรียนการสอน มี 7 องค์ประกอบหลัก คือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการ         จัดการเรียนรู้ 4) ระบบสังคม 5) ระบบสนับสนุน 6) เงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้ และ 7)               การประเมินผลรูปแบบ 2.2 ผลการตรวจสอบรูปแบบการเรียนการสอนโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 ท่าน พบว่า รูปแบบการเรียนการสอน มีความเหมาะสมและมีความเป็นไปได้ในระดับมาก และ 2.3 ผลการหาประสิทธิภาพ พบว่า รูปแบบการเรียนการสอน มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 83.90/82.29 ถือว่า                   มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนรู้              ตามแนวคิดการกำกับตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียน                         ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม พบว่า

3.1 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอน มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3.2 นักเรียนมีคะแนนทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยรวมอยู่ในระดับดีเยี่ยม

คิดเป็นร้อยละ 87.39 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ร้อยละ 80

 

 

           4.  ผลการประเมินรูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนรู้              ตามแนวคิดการกำกับตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียน                         ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม พบว่า

               4.1 รูปแบบการเรียนการสอนตามความคิดเห็นของครูผู้สอนสังกัดกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เห็นว่ารูปแบบมีความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้            ความเหมาะสม และความถูกต้อง ในระดับมากที่สุด ( = 4.52, S.D. = 0.54)

               4.2 ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนรู้ตามแนวคิดการกำกับตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด ( = 4.51, S.D. = 0.61