ผู้วิจัย จารุดา ใจดี

ปีการศึกษา 2567

วันที่เผยแพร่ 4 พฤษภาคม 2568

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ SOLVE Model เพื่อพัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา และเจตคติทางวิทยาศาสตร์ รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม 4 และ 2) ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ SOLVE Model กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 จำนวน 45 คน ที่ศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนบ้านดุงวิทยา ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ SOLVE Model เพื่อพัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา และเจตคติทางวิทยาศาสตร์ รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม 4 มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย 5 ขั้น คือ (1) ขั้นที่ 1 การระบุปัญหา (State the problem specifically)  (2) ขั้นที่ 2 ขั้นดำเนินการสำรวจและค้นหา (Operation)  (3) ขั้นที่ 3 ลงมือแก้ปัญหา (Launch) (4) ขั้นที่ 4 ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน (Verification) (5) ขั้นที่ 5 ขั้นสรุปผลการเรียนรู้ (Effect) 4) วัดและประเมินผล 3 ด้าน คือ ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ด้านทักษะการคิดแก้ปัญหา และด้านเจตคติทางวิทยาศาสตร์ และ 5) เงื่อนไขสำคัญในการนำรูปแบบไปใช้ให้ประสบผลสำเร็จ โดยพบว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ SOLVE Model เพื่อพัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหาและเจตคติทางวิทยาศาสตร์มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.68/85.70 และพบว่า ประสิทธิผลของรูปแบบมีดังนี้ 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ เรื่องระบบภูมิคุ้มกัน และระบบขับถ่าย ของนักเรียนหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ SOLVE Modelสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติติที่ระดับ 05 2.2) ความสามารถทักษะการคิดแก้ปัญหา หลังใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ SOLVE Model อยู่ในระดับสูง 2.3) ด้านเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ SOLVE Model อยู่ในระดับมากที่สุด และ 2.4) ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ SOLVE Model ในภาพรวมพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุด

คำสำคัญ : ทักษะการคิดแก้ปัญหา, เจตคติทางวิทยาศาสตร์, ชีววิทยาเพิ่มเติม 4, รูปแบบการจัดการเรียนรู้