ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาที่นำไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการ
ผู้วิจัย นางอรวรรณ สังข์ทอง
ปีการศึกษา 2567
วันที่เผยแพร่ 7 สิงหาคม 2568
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1) ศึกษาแนวทางการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาที่นําไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการ
2) สร้างรูปแบบการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model เพื่อยกระดับ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาที่นําไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการ
3) ทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการ อาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้HAW KHRK Model เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาที่นําไป ฝึกอาชีพในสถานประกอบการ
4) ประเมินผลหลังใช้รูปแบบการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี โดยใช้HAW KHRK Model เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาที่นําไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการ ผู้วิจัยแบ่งการดำเนินการออกเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาแนวทางการบริหารจัดการ อาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของรายวิชาที่นําไป ฝึกอาชีพในสถานประกอบการ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ คณะกรรมการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี จำนวน 44 คน และครูฝึกในสถานประกอบการ จำนวน 36 คน และการสัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษาและรองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิชาการ จำนวน 8 คน ของสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดระนอง ขั้นตอนที่ 2 การสร้างรูปแบบการบริหาร จัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาที่ นําไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการ โดยการสนทนากลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน ขั้นตอนที่ 3 การทดลอง ใช้รูปแบบการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนรายวิชาที่นําไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการกับผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ครูผู้สอนระบบทวิภาคี จำนวน 42 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) วิทยาลัยเทคนิคระนอง ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ขั้นตอนที่ 4 การประเมินรูปแบบการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาที่นําไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ คณะกรรมการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีครูฝึกในสถานประกอบการ และผู้เรียน ระบบทวิภาคี รวมจำนวน 230 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึก การสนทนากลุ่ม แบบประเมินความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม และความถูกต้องของ รูปแบบ และแบบสอบถามความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์โดยการหาความถี่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการศึกษาแนวทางการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาที่นําไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการ โดยภาพรวม มีการปฏิบัติ อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการพัฒนาหลักสูตร มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านการจัดทำแผนการนิเทศการฝึกอาชีพในสถานประกอบการ ด้านการจัดทำแผนการฝึกอาชีพในสถานประกอบการ ด้านการพัฒนาและส่งเสริมแหล่งเรียนรู้ ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ และ ด้านการพัฒนาสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ตามลำดับ
2. ผลการสร้างรูปแบบการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model เพื่อ ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาที่นําไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการ พบว่า มีองค์ประกอบที่สำคัญ ได้แก่ หลักการของรูปแบบ วัตถุประสงค์ของรูปแบบ กระบวนการดำเนินงาน แนวทางการประเมิน และ เงื่อนไขความสำเร็จ ตามความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิพบว่า โดยภาพรวมรูปแบบการบริหารจัดการ อาชีวศึกษาระบบทวิภาคีรายวิชาที่นําไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด และ ผลการประเมินความเหมาะสมของคู่มือการใช้รูปแบบการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของรายวิชาที่นําไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการ โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาที่นําไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการ พบว่า ครูที่สอนระบบทวิภาคี วิทยาลัยเทคนิคระนอง สามารถปฏิบัติงานวิชาการจากการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาที่นําไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการ โดยรวม อยู่ในระดับการปฏิบัติมากที่สุด
4. ผลการประเมินรูปแบบการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาที่นําไปฝึกอาชีพในสถานประกอบการ ดังนี้
1) ผลการประเมิน ความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม และความถูกต้อง อยู่ในระดับมากที่สุด
2) ผลการ เปรียบเทียบร้อยละของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนระบบทวิภาคีสูงกว่าค่าเป้าหมายที่ทาง สถานศึกษากำหนดไว้ทุกสาขาวิชา คิดเป็นร้อยละ 88.35
3) ผลการประเมินความพึงพอใจของ คณะกรรมการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีครูฝึกในสถานประกอบการ และผู้เรียนระบบทวิภาคี วิทยาลัยเทคนิคระนอง โดยภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด คำสำคัญ: รูปแบบการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้ HAW KHRK Model