Vichakan.net - เผยแพร่ผลงานวิชาการ

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้หลักสูตรท้องถิ่นโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 3 วัดเกาะแก้วนครสวรรค์ สังกัดเทศบาลเมืองพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี

ผู้วิจัย นางธัญญ์นภัส วิรัตน์เกษม

ปีการศึกษา 2567

วันที่เผยแพร่ 14 สิงหาคม 2568

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

 

การวิจัยเรื่องนี้มีความมุ่งหมาย 1. เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้หลักสูตรท้องถิ่นโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 3 วัดเกาะแก้วนครสวรรค์ สังกัดเทศบาลเมืองพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี              2. เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้หลักสูตรท้องถิ่นโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 3 วัดเกาะแก้วนครสวรรค์ สังกัดเทศบาลเมืองพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี 3. เพื่อทดลองใช้รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัด การเรียนรู้หลักสูตรท้องถิ่นโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 3 วัดเกาะแก้วนครสวรรค์ สังกัดเทศบาลเมืองพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี และ 4. เพื่อศึกษาประสิทธิผลรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้หลักสูตรท้องถิ่นโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 3 วัดเกาะแก้วนครสวรรค์ สังกัดเทศบาลเมืองพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูโรงเรียนเทศบาล 3 วัดเกาะแก้วนครสวรรค์ สังกัดเทศบาลเมืองพนัสนิคม จำนวน 9 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 85 คน เครื่องมือประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ ,แบบประเมิน, แบบสอบถาม แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วม และแบบประเมินประสิทธิผลรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วม สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัย พบว่า

1. ผลการศึกษาสภาพการดำเนินงานการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้หลักสูตรท้องถิ่นโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 3 วัดเกาะแก้วนครสวรรค์ สังกัดเทศบาลเมืองพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี โดยรวม พบว่า สภาพการดำเนินงานที่มีค่าเฉลี่ยร้อยละสูงสุด ได้แก่ สถานศึกษาสนับสนุนให้ครูนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ คือ อบรม สัมมนาและศึกษาดูงานสำหรับครู คิดเป็นร้อยละ 100 รองลงมา คือ สถานศึกษากำหนดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตนักเรียนที่ต้องแก้ไขให้สอดคล้องกับบริบทของนักเรียนและท้องถิ่น คือ กิจกรรมส่งเสริมอาชีพ และกิจกรรมหลีกเลี่ยงสิ่งเสพติด คิดเป็นร้อยละ 89 และอาชีพที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น คือ การทำการเกษตรพอเพียง คิดเป็นร้อยละ 89 ตามลำดับ

2. รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้หลักสูตรท้องถิ่นโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 3 วัดเกาะแก้วนครสวรรค์ สังกัดเทศบาลเมืองพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พบว่า โครงสร้างรูปแบบประกอบด้วย 4 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 หลักการ (Principles =P)  ส่วนที่ 2 วัตถุประสงค์ (Objective=O)  ส่วนที่ 3 สาระสำคัญ (Summary=S) และส่วนที่ 4 องค์ประกอบ (Element= E) มี 2 องค์ประกอบ ได้แก่ 1 การบริหารแบบมีส่วนร่วม (Participatory Management) และ 2. การจัดการเรียนรู้ (Learning Management) ผลประเมินประสิทธิภาพรูปแบบ อยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.68, S.D.=0.47)

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้หลักสูตรท้องถิ่นโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 3 วัดเกาะแก้วนครสวรรค์ สังกัดเทศบาลเมืองพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ดังนี้ 1) ด้านการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม พบว่า โดยรวมมีระดับการพัฒนาอยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.63, S.D.=0.48) และ 2) ด้านการจัดการเรียนรู้ พบว่า โดยรวมมีการพัฒนา อยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.69), (S.D.=0.46)

4. ประสิทธิผลรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้หลักสูตรท้องถิ่นโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 3 วัดเกาะแก้วนครสวรรค์ สังกัดเทศบาลเมืองพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ผู้เชี่ยวชาญยืนยันประสิทธิผลมีความสอดคล้องเหมาะสมสำหรับการนำไปพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ค่าดัชนีความสอดคล้องเหมาะสมเท่ากับ 1.00 ข้อเสนอแนะ 1) การพัฒนาทักษะอาชีพควรขยายผลการพัฒนาสู่เยาวชน ชุมชน ให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน 2) ควรส่งเสริการเพิ่มผลผลิตและการตลาดสู่ความเป็นมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ 3) กำหนดขอบข่ายอาชีพให้หลากหลายยิ่งขึ้น 4) สร้างเครือข่ายการพัฒนาสู่สถานศึกษาอื่น ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสร้างเจตคติต่อการประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ หรือลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นของครอบครัว และ 5) ควรเปิดคลินิกพัฒนาคุณภาพชีวิตรอบด้านของนักเรียน