ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา
ผู้วิจัย สถาน ปรางมาศ
ปีการศึกษา 2567
วันที่เผยแพร่ 17 สิงหาคม 2568
บทคัดย่อ
สถาน ปรางมาศ. การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา, 2567.
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพความต้องการจำเป็นของการนิเทศภายในแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา โดยการวิจัยมี 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัจจุบัน สภาพความต้องการของการนิเทศภายในแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา โดยการวิเคราะห์เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพความต้องการการนิเทศภายในแบบบูรณาการฯ จากครู จำนวน 33 คน และศึกษาแนวทางการนิเทศภายในของสถานศึกษาที่มีวิธีการปฏิบัติที่ดีจากผู้บริหารและครู จำนวน 3 โรงเรียน ระยะที่ 2 การสร้างและพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา โดยการร่างรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการฯ และ ประเมินพัฒนารูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการฯด้วยการประชุมสนทนากลุ่มกับผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 9 คน ระยะที่3 การทดลองใช้รูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนโรงเรียนละลมวิทยา โดยการจัดทำแผนการและดำเนินการทดลองใช้รูปแบบการนิเทศภายในเชิงรุกแบบบูรณาการฯ แล้วประเมินสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนกับครู จำนวน 33 คน และระยะที่ 4 การประเมินรูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา โดยการประเมินความพึงพอใจ ความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ของรูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการฯ ที่ได้รับจากครู จำนวน 33 คน ผู้เรียน จำนวน 606 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน 13 คน และการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สมรรถนะสำคัญ คุณลักษณะอันพึงประสงคของผูเรียน และผลงานดีเด่นของโรงเรียนละลมวิทยา เครื่องมือที่ใช้วิจัย ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบประเมิน แบบสัมภาษณ์ และแบบบันทึก และ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การวิเคราะห์เนื้อหา ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และคาดัชนีจัดเรียงลําดับความตองการจําเปน
ผลการวิจัยพบว่า 1.กระบวนการนิเทศภายในแบบบูรณาการ มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1)การวางแผนกำหนดทิศทาง 2) การปฏิบัติการนิเทศ 3)การเรียนรู้เพื่อพัฒนา 4)การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสะท้อนผลและ 5) การประเมินผลการนิเทศ สภาพปัจจุบัน และสภาพความตองการ ในการการนิเทศภายในแบบบูรณาการเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และมากที่สุด ตามลำดับ 2.รูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา มี 5องค์ประกอบได้แก่ 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) เนื้อหา กิจกรรมที่นำมาใช้ 4)กระบวนการนิเทศ และ 5) การวัดและประเมินผลรูปแบบ ความถูกตอง ความเหมาะสม และความเปนไปได้ของรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา โดยเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 3.ผลการทดลองใช้รูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา พบว่า ครูผู้สอนมีสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 4.ผลการประเมินรูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนละลมวิทยา พบว่า ครู ผู้เรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีความพึงพอใจ มีความเป็นไปได้ และมีความเป็นประโยชน์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
คําสําคัญ:การพัฒนารูปแบบ,การนิเทศภายในแบบบูรณาการ,สมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก,คุณภาพผู้เรียน