Vichakan.net - เผยแพร่ผลงานวิชาการ

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (SBM) สนับสนุนการสร้างแรงจูงใจ เพื่อพัฒนาการบริหารวิชาการสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียน และคุณลักษณะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โรงเรียนชุมชนสีถานดำรงวิทย์ ปีการศึกษา 2566

ผู้วิจัย พูณศิลป์ อ่อนไสย

ปีการศึกษา 2566

วันที่เผยแพร่ 5 กันยายน 2568

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

            การพัฒนารูปแบบการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (SBM) สนับสนุนการสร้างแรงจูงใจเพื่อพัฒนาการบริหารวิชาการ สู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โรงเรียนชุมชนสีถานดำรงวิทย์ ปีการศึกษา 2566 เป็นการวิจัยและพัฒนา โดยวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Method) โดยการนำทฤษฎีรูปแบบการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (SBM) ไปสนับสนุนทฤษฎีการสร้างแรงจูงใจ ส่งผลให้เกิดตามทฤษฎีการบริหารวิชาการสู่ความเป็นเลิศด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (SBM) สนับสนุนการสร้างแรงจูงใจของครู   เพื่อศึกษาระดับการปฏิบัติงานของครูที่เกิดจากแรงจูงใจ พัฒนาการบริหารวิชาการ เพื่อการเปรียบเทียบของระดับการปฏิบัติงานของครู ในการบริหารวิชาการสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โรงเรียนชุมชนสีถานดำรงวิทย์ เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้ปกครองที่มีผลต่อความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โรงเรียนชุมชนสีถานดำรงวิทย์ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย อยู่ในบริบทโรงเรียนชุมชนสีถานดำรงวิทย์ ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1 ปีการศึกษา 2566 โดยคัดเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยแยกเป็นกลุ่มเป้าหมายคือ ครู จำนวน 14 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 42 คนผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 42 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) แบบสอบถามเกี่ยวกับการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (SBM) สนับสนุนการสร้างแรงจูงใจของครู 2) แบบสอบถามเกี่ยวกับระดับการปฏิบัติงานของครูที่เกิดจากแรงจูงใจ พัฒนาการบริหารวิชาการ 3) แบบสอบถามเกี่ยวกับระดับ       การปฏิบัติงานของครู ในการบริหารวิชาการสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน      ด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โรงเรียนชุมชนสีถานดำรงวิทย์ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้ปกครองที่มีผลต่อความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะผู้เรียน        ในศตวรรษที่ 21 โรงเรียนชุมชนสีถานดำรงวิทย์

 

สรุปผลการวิจัย

            1. การวิเคราะห์ผลการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (SBM) สนับสนุนการสร้างแรงจูงใจของครู พบว่า การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (SBM) สนับสนุนการสร้างแรงจูงใจของครู ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (X) เท่ากับ 4.83 และมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ 0.41 เมื่อได้พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ระดับการบริหารงานของผู้บริหารอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านการคืนอำนาจการจัดการศึกษาให้ประชาชน มีค่าเฉลี่ย (X) เท่ากับ 4.87 และมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ 0.30 และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ด้านการบริหารแบบมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีค่าเฉลี่ย (X)  เท่ากับ 4.78 และมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ 0.44 ตามลำดับ เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 1      

            นั่นแสดงว่า การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (SBM) ครู คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องได้ร่วมกันจัดการศึกษา เป็นไปตามความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชน ย่อมส่งผลให้โรงเรียนมีประสิทธิภาพสูงสุด ในการสนับสนุนแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครู นำไปสู่ผลความสำเร็จของการพัฒนาการปฏิบัติงานของครูในการบริหารงานวิชาการ ได้จริง  

2. การวิเคราะห์การปฏิบัติงานของครูที่เกิดจากแรงจูงใจ พัฒนาการบริหารวิชาการ

พบว่า การปฏิบัติงานของครูที่เกิดจากแรงจูงใจ พัฒนาการบริหารวิชาการในภาพรวม อยู่ในระดับ        มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (X) เท่ากับ 4.78 และมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ 0.41 เมื่อได้พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ระดับการปฏิบัติงานของครูที่เกิดจากแรงจูงใจ อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ แรงจูงใจความต้องการความสำเร็จมีค่าเฉลี่ย (X) เท่ากับ 4.81 และมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ 0.39 และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ แรงจูงใจความต้องการอำนาจ มีค่าเฉลี่ย (X) เท่ากับ 4.76 และมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ 0.44 ตามลำดับ เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 2

            นั่นแสดงว่า การปฏิบัติงานของครูที่เกิดจากแรงจูงใจ พัฒนาการบริหารวิชาการที่เกิดจากการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (SBM) ทำให้ครูสามารถทำงานในภารกิจหน้าที่ ตามภารกิจหน้าที่และประเด็นท้าทายบรรลุผลสำเร็จมีมาตรฐานในการทำสูงขึ้นเกินกว่าสิ่งที่คาดหวังเกิดการยอมรับ ยกย่อง มีความเป็นภาวะผู้นำ และมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ครูเกิดการพัฒนาการบริหารวิชาการไปสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างแท้จริง       

           3. ผลการวิเคราะห์การเปรียบเทียบผลการการปฏิบัติงานของครูในการบริหารวิชาการสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะผู้เรียน                            ในศตวรรษที่ 21 ก่อนและหลังการวิจัย พบว่า การปฏิบัติงานของครูในการบริหารวิชาการสู่ความ  เป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21        ในภาพรวม พบว่า ก่อนการวิจัย อยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ย (X) เท่ากับ 3.38 และมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ 0.49 และหลังการวิจัย อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (X) เท่ากับ 4.73 และมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ 0.42 เมื่อนำผลมาเปรียบเทียบระดับการปฏิบัติงานของครู                   ในการบริหารวิชาการสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ระหว่างก่อนและหลังการวิจัย โดยใช้ t- test พบว่า การปฏิบัติงานของครู ในการบริหารวิชาการสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน            ด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 หลังการวิจัยสูงกว่าก่อนการวิจัย                    อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานข้อ 3

             นั่นแสดงว่า การบริหารวิชาการสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 สามารถส่งเสริมพัฒนากระตุ้น แนะนำ อำนวยการให้ครูร่วมกันพัฒนาการเรียนการสอนให้มีคุณภาพและบรรลุมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสนับสนุนสมรรถนะครูให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ได้จริง

            4. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้เรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้ปกครองที่มีผลต่อความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียน และคุณลักษณะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 พบว่า ในภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (X) เท่ากับ 4.72 มีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ 0.44 เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 4

            นั่นแสดงได้ว่า การพัฒนารูปแบบการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (SBM) สนับสนุน      การสร้างแรงจูงใจเพื่อพัฒนาการบริหารวิชาการสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียนและคุณลักษณะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โรงเรียนชุมชนสีถานดำรงวิทย์ ปีการศึกษา 2566 ส่งผลให้ผู้เรียน ครู โรงเรียน และผู้ปกครอง เกิดความพึงพอใจต่อผลผลัพธ์ คือ ผู้เรียนมีความก้าวหน้าในด้านความรู้ ด้านทักษะชีวิตและทักษะงาน ทักษะอาชีพ และความรู้เฉพาะทาง สามารถนำความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้อย่างสร้างสรรค์ทำให้มีความพึงพอใจต่อความ  เป็นเลิศตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานและคุณลักษณะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 บรรลุเป้าหมาย           ตามมาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียนที่กำหนดไว้ได้อย่างแท้จริง