ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ของครูโรงเรียนเทศบาลบ้านปากทาง สังกัดเทศบาลเมืองพิจิตร
ผู้วิจัย นายอริย์ธัช ภาธรธนฤต
ปีการศึกษา 2567
วันที่เผยแพร่ 22 กันยายน 2568
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1) เพื่อศึกษาสภาพ ปัญหา
ความต้องการและแนวทางในการพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู 2)
เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู
3)
เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู
4)
เพื่อประเมินและปรับปรุงรูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัย
ได้แก่
ครูผู้สอนในโรงเรียนเทศบาลบ้านปากทาง
อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร จำนวน 24 คน
ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการวิจัย เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ แบ่งออกเป็น 4
ตอน ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพปัญหา
ความต้องการและแนวทางในการพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู
ขั้นตอนที่ 2 สร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู
ขั้นตอนที่ 3 ทดลองใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู ขั้นตอนที่
4 ประเมินและปรับปรุงรูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1)
ผลการศึกษาสภาพ ปัญหา ความต้องการและแนวทางในการพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู
มีความคิดเห็นต่อสภาพการจัดการเรียนรู้ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.56, S.D. = 0.58) และมีความคิดเห็นต่อปัญหาการจัดการเรียนรู้ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง
(
= 2.58, S.D. = 0.49)
1.2
แนวทางในการพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู
คือ 1) ความรู้ความเข้าใจการเรียนรู้เชิงรุก 2) การออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 3)
การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 4) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก 5)
การวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
2.
ผลการสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู
สามารถสรุปผลการวิจัยได้ดังนี้
2.1
ผลการสร้างรูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
ด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู มีจำนวน 5 องค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหา กระบวนการจัดการเรียนรู้ และการวัดและประเมินผล
โดยจัดกิจกรรม 4 ขั้น ได้แก่ ขั้น 1 สร้างความเข้มแข็งของทีม
ขั้น 2 การพัฒนางานร่วมกัน ขั้น 3 ปฏิบัติการจัดการเรียนรู้
ขั้น 4 สะท้อนผลและแลกเปลี่ยน
2.2
ผลการของพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู
องค์ประกอบรูปแบบการส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู โดยใช้การศึกษาชั้นเรียนผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพมีความเหมาะสมภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.54, S.D. = 0.50)
คู่มือการใช้รูปแบบการส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู โดยใช้การศึกษาชั้นเรียนผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก
(
= 4.40, S.D. = 0.50)
2.3
ผลการทดลองนำร่องใช้รูปแบบการส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู
พบว่าความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.29, S.D. = 0.46)
3.
ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู
พบว่า ความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู
ด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของกลุ่มตัวอย่าง โดยรวมอยู่ในระดับมาก
( = 4.38, S.D. = 0.49) คะแนนเฉลี่ยร้อยละของความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูหลังได้รับการพัฒนาด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
และระดับคุณภาพจำแนกเป็นรายบุคคล วงรอบที่ 1 วงรอบที่
2 และวงรอบที่ 3 พบว่า ครูที่มีคะแนนความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ
75 ในวงรอบที่ 1 มีจำนวน 5 คน วงรอบที่
2 มีจำนวน 7 คน รอบวง 3 มีจำนวน
7 คน
4. ผลการประเมินและปรับปรุงรูปแบบการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู
พบว่าภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.59, S.D. = 0.49)
และจำแนกรายด้านความเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุด (
= 4.64,
S.D. = 0.48) ด้านความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด (
= 4.56,
S.D. = 0.50) ด้านความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (
= 4.57, S.D. = 0.50) และด้านความถูกต้องครอบคลุมอยู่ในระดับมากที่สุด
(
= 4.58, S.D. = 0.50)