ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด เรื่อง เพศศึกษากับวัยรุ่น รายวิชาสุขศึกษา 3 รหัสวิชา พ22101 เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นางสาวปภัสสร ศิริสวัสดิ์
ปีการศึกษา 2567
วันที่เผยแพร่ 2 สิงหาคม 2567
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก โดยใช้การจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด เรื่อง เพศศึกษากับวัยรุ่น รายวิชาสุขศึกษา 3 รหัสวิชา พ22101 เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีวัตถุประสงค์ของวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด เรื่อง เพศศึกษากับวัยรุ่น รายวิชาสุขศึกษา 3 รหัสวิชา พ22101 เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด เรื่อง เพศศึกษากับวัยรุ่น รายวิชาสุขศึกษา 3 รหัสวิชา พ22101 เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) ศึกษาผล การทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด เรื่อง เพศศึกษากับวัยรุ่น รายวิชาสุขศึกษา 3 รหัสวิชา พ22101 เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4) ประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด เรื่อง เพศศึกษากับวัยรุ่น รายวิชาสุขศึกษา 3 รหัสวิชา พ22101 เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนดอนไพลพิทยาคม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 26 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นการสุ่มด้วยการจับฉลาก จำนวน 1 ห้องเรียน ประกอบด้วยนักเรียน เก่ง อ่อน และปานกลาง คละกันทั้งนักเรียนชายและหญิง ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของนักเรียนส่วนใหญ่ โดยมีเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาสุขศึกษา 3 รหัสวิชา พ22101 เรื่อง เพศศึกษากับวัยรุ่น กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 9 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชา สุขศึกษา 3 รหัสวิชา พ22101 เรื่อง เพศศึกษากับวัยรุ่น กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 40 ข้อ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก ตอบถูกได้ 1 คะแนน ตอบผิดหรือไม่ตอบได้ 0 คะแนน 3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ จำนวน 15 ข้อ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก ตอบถูกได้ 1 คะแนน ตอบผิดหรือไม่ตอบได้ 0 คะแนน 4) แบบประเมินผลหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด เรื่อง เพศศึกษากับวัยรุ่น รายวิชา สุขศึกษา 3 รหัสวิชา พ22101 เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 5) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ แบบเชิงรุก โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคเพื่อน สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (x-bar) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าทีแบบไม่อิสระ (t-test dependent) และการวิเคราะห์เนื้อหา โดยสามารถสรุปผลการวิจัย อภิปรายผลการวิจัยและข้อเสนอแนะได้ดังต่อไปนี้
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพปัจจุบันและสภาพปัญหาการจัดการเรียนการสอนและความต้องการจำเป็นของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นเน้นการเรียนรู้แบบเชิงรุกและเป็นการเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับการเรียนการสอน
กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดขั้นสูง
(Higher-Order Thinking) ด้วยการคิดวิเคราะห์
ประเมินค่าและสร้างสรรค์ไม่เพียงแต่เป็นผู้ฟัง ผู้เรียนต้องอ่าน เขียน
ตั้งคำถามและถาม อภิปรายร่วมกัน
ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริงและเน้นผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างทั่วถึง ได้เกิดคิดหาคำตอบด้วยตนเอง
มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เรียนด้วยกัน
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุกโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด เรื่อง
เพศศึกษากับวัยรุ่น รายวิชาสุขศึกษา 3 รหัสวิชา พ22101 เพื่อเสริมสร้าง ทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้พัฒนาขึ้นมีชื่อว่า “3PKRC
MODEL MODEL” มีองค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ 5 องค์ประกอบได้แก่
1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ 4)
การวัดผลและประเมินผล 5) เงื่อนไขของการนำรูปแบบไปใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ มี 6
ขั้น ดังนี้ ขั้นที่ 1 จัดเตรียมความพร้อม (Preparation: P) ขั้นที่ 2 พิจารณาปัญหา
(Problem Identification: P) ขั้นที่ 3 คิดวิเคราะห์ปัญหา (Problem Analysis: P) ขั้นที่ 4
เชื่อมโยงความรู้ (Knowledge Integration: K) ขั้นที่
5 สะท้อนผลการเรียนรู้ (Reflection: R)
และขั้นที่ 6 สรุป (Conclusion: C)
เมื่อนำไปทดลองใช้กับนักเรียนในกลุ่มภาคสนาม จำนวน 32 คน พบว่ามีประสิทธิภาพเท่ากับ
82.12/81.95 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก
โดยใช้การจัดการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด เรื่อง เพศศึกษากับวัยรุ่น
รายวิชาสุขศึกษา 3 รหัสวิชา พ22101 เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05และ 2) ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05
4. ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก โดยใช้การจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด
เรื่อง เพศศึกษากับวัยรุ่น รายวิชาสุขศึกษา 3 รหัสวิชา พ22101 เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า 1) ผลการประเมินหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก
โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด เรื่อง เพศศึกษากับวัยรุ่น
รายวิชาสุขศึกษา3 รหัสวิชา พ22101 เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า โดยภาพรวมมีค่าความเหมาะสม อยู่ในระดับมาก (x-bar = 3.83 S.D. = 1.04) และ 2) ผลของการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
2/1 โรงเรียนดอนไพลพิทยาคมที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก
โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด พบว่า ความพึงพอใจรวมทุกด้านอยู่ในระดับมาก (x-bar= 4.23, S.D. = 1.11)