ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ หน่วย เศรษฐศาสตร์น่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงของผู้เรียน โดยใช้ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ POPEANG MODEL สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ผู้วิจัย ธัญชนก เดชพันธ์
ปีการศึกษา 2566
วันที่เผยแพร่ 3 สิงหาคม 2567
บทคัดย่อ
การวิจัยใช้ระเบียบวิธีการวิจัยและพัฒนา (Research
and Development) แผนการทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลัง (one group pretest
- posttest) มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้
หน่วย เศรษฐศาสตร์น่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงของผู้เรียน
โดยใช้ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ POPEANG MODEL สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4
2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วย รูปแบบการจัดการเรียนรู้
หน่วย เศรษฐศาสตร์น่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงของผู้เรียน
โดยใช้ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ POPEANG MODEL สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4 3) เพื่อเปรียบเทียบคุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงของผู้เรียน
โดยใช้ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ POPEANG MODEL สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ คุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงของผู้เรียน
โดยใช้ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ POPEANG MODEL สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566
โรงเรียนเทศบาลวัดนิโครธาราม มีนักเรียนจำนวน 25 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster
Sampling) โดยใช้ห้องเป็นหน่วยสุ่มเนื่องจากจัดห้องแบบคละนักเรียน ใช้เวลาในการทดลอง
18 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่
1) แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม หน่วยการเรียนรู้
เศรษฐศาสตร์น่ารู้ โดยใช้ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ POPEANG MODEL สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน
1 เล่ม 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ 3) แบบประเมินคุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงของผู้เรียน
4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
POPEANG MODEL สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Likert Scale) จำนวน 10 ข้อ แล้วนำมาวิเคราะห์ข้อมูลหาประสิทธิภาพของกระบวน
การประสิทธิภาพของผลลัพธ์ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบค่าที t -
test (dependent) ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้
1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ หน่วย
เศรษฐศาสตร์น่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงของผู้เรียน
โดยใช้ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ POPEANG MODEL สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.48 /86.13 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
80/80 ซึ่งเป็นไปตาม สมมติฐานที่ 1
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้
หน่วย เศรษฐศาสตร์น่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงของผู้เรียน
โดยใช้ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ POPEANG MODEL สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4 คะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่
2
3. คุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงของผู้เรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้
หน่วย เศรษฐศาสตร์น่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงของผู้เรียน
โดยใช้ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ POPEANG MODEL สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4 ประเมินโดยครูผู้สอนและนักเรียนประเมินตนเองหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียน
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้
หน่วย เศรษฐศาสตร์น่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนาและวัฒนธรรม เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงของผู้เรียน
โดยใช้ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ POPEANG MODEL สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4 โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด และมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ
( = 4.62, S.D .= 0.55)
ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ 3