ชื่อเรื่อง ศึกษาการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้วิธีการสอนแบบออนไลน์ด้วย Application Line และวิธีการสอนแบบปกติ ในรายวิชาการงานอาชีพ (ง22102) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นายประภาส สุพรรณดี
ปีการศึกษา 2564
วันที่เผยแพร่ 10 สิงหาคม 2567
บทคัดย่อ
วิจัยในชั้นเรียน เรื่อง ศึกษาการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้วิธีการสอนแบบออนไลน์ด้วย
Application Line และวิธีการสอนแบบปกติ
ในรายวิชาการงานอาชีพ
(ง22102) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดอุดมรังสี สำนักงานเขตหนองแขม
กรุงเทพมหานคร
ผู้วิจัย ประภาส สุพรรณดี
ปีการศึกษา 2/2564
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.
เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาการงานอาชีพ (ง22102)
ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดอุดมรังสี สำนักงานเขตหนองแขม
กรุงเทพมหานคร ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยวิธีการสอนออนไลน์ด้วย Application
LINE 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาการงานอาชีพ
(ง22102) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดอุดมรังสี
สำนักงานเขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยวิธีการสอนแบบปกติ 3.
เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาการงานอาชีพ (ง22102) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
2 โรงเรียนวัดอุดมรังสี สำนักงานเขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร
ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยวิธีการสอนออนไลน์ด้วย Application LINE และการสอนแบบปกติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
2/3 โรงเรียนวัดอุดมรังสี สำนักงานเขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
ที่เรียนออนไลน์ด้วย Application Line จำนวน 18 คน
และที่เรียนแบบปกติ 20 คน
ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ได้รับการสอนโดยวิธีการสอนออนไลน์ด้วย
Application Line มีคะแนนผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้วิธีสอนแบบปกติ
มีคะแนนผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 3.
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาการงานอาชีพ
(ง22102) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดอุดมรังสี ที่ได้รับการสอนโดยวิธีการสอนแบบปกติสูงกว่าวิธีการสอนออนไลน์ด้วย
Application Line อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05