ชื่อเรื่อง รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมรรถนะความสามารถในการแก้ปัญหาของผู้เรียนโดยใช้ SNW-6D Model ด้วยการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน (Lesson Study : LS) ผ่านชุมชนแห่งเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC)
ผู้วิจัย นางอัญชนา แข่งขัน
ปีการศึกษา 2567
วันที่เผยแพร่ 11 กุมภาพันธ์ 2568
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ พัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ของครู และเพื่อพัฒนาสมรรถนะความสามารถในการแก้ปัญหาของผู้เรียน
โดยใช้รูปแบบการสอน 6D-Modelด้วยการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน
(Lesson Study : LS) ผ่านชุมชนแห่งเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional
Learning Community : PLC) กลุ่มเป้าหมาย
ได้แก่ นักเรียนโรงเรียนสนมวิทยาคาร ปีการศึกษา 2567 ภาคเรียนที่ 1
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอน 6D-Model
แบบประเมินสมรรถนะผู้เรียน และมีการใช้กระบวนการ SNW-Model บริหารจัดการและพัฒนาครูเพื่อพัฒนารูปแบบการสอน ผลการวิจัยพบว่า
1. ผู้เรียนมีสมรรถนะความสามารถในการแก้ปัญหาสูงกว่าค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
2. ได้นวัตกรรมรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมรรถนะความสามารถในการแก้ปัญหาผู้เรียนแบบ
6D
Model โดยใช้ SNW Model ด้วยการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน
(Lesson Study : LS) ผ่านชุมชนแห่งเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional
Learning Community : PLC)
3.
ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน
O-Net
ม.3 และม.6 ปีการศึกษา2566 สูงกว่าระดับประเทศ
4. ครูทุกคนมีการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วย 6D Model โดยการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน (Lesson Study : LS) ผ่านชุมชนแห่งเรียนรู้ทางวิชาชีพ
(Professional Learning Community : PLC)
5.
โรงเรียนเป็นสถานศึกษาต้นแบบและได้รับคัดเลือกเป็นสถานศึกษาต้นแบบฝึกปฎิบัติการเรียนรู้ในสภาพจริง
6. ครูและผู้บริหาร
เป็นตำแหน่ง Model Teacher โครงการ
การสร้างเครือข่ายพัฒนาสมรรถนะครูในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก
โดยใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ผ่านการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน
“ภายใต้กิจกรรมพัฒนาวิชาชีพแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
จากสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา
7.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มอบรางวัลสุดยอดครูระดับมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ประจำปีการศึกษา 2567 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สาขาวิชาฟิสิกส์
คำสำคัญ
: รูปแบบการสอน 6D-Model, กระบวนการ SNW-Model, สมรรถนะความสามารถในการแก้ปัญหา
ที่มาและความสำคัญ
ประกาศกระทรวงศึกษาธิการนโยบายและจุดเน้น ปีงบประมาณพ.ศ.
2566 มีการยกระดับคุณภาพการศึกษา
โดยส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษานำหลักสูตรสมรรถนะไปสู่การปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ
เพื่อสร้างสมรรถนะที่จำเป็นสำหรับศรตวรรษที่ 21 ให้กับนักเรียน
ครูมีการจัดการเรียนรู้แบบ Active
Learning มีการพัฒนาและบูรณาการกระบวนการเรียนเรียนรู้และการวัดประเมินผลฐานสมรรถนะสู่การปฏิบัติในชั้นเรียน
และส่งเสริมสนับสนุนสถานศึกษาให้มีการนำผลการศึกษาการทดสอบแห่งชาติไปใช้ในการวางแผนการปฏิบัติการจัดการเรียนการสอน
(กระทรวงศึกษาธิการ. 2566, หน้า 2-3)
จากการติดตามผลการวัดและประเมินผลโดยการทำแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนดไว้
ผลการทดสอบของโรงเรียน ในปีการศึกษา 2565 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระดับชาติหลายมาตรฐาน/ตัวชี้วัด
ดังนั้น การนำผลการวิเคราะห์การทดสอบ O-NET ปีการศึกษา 2565
มาเป็นแนวทางในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของโรงเรียนซึ่งเป็นแนวทางที่จะทำให้การพัฒนาผู้เรียนของโรงเรียนได้ตรงตามมาตรฐาน/ตัวชี้วัด
วิเคราะห์หาปัจจัยที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน
(O-Net) ของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้แล้วนำมาสรุปร่วมกัน
ประกอบด้วย 3 ปัจจัย คือ 1) ปัจจัยด้านผู้เรียน สมรรถนะของผู้เรียนในการเรียนรู้
การทำกิจกรรมในห้องเรียน การบ้าน การทำงานที่ได้รับมอบหมายจากคุณครูมีน้อย ส่งผลให้การเก็บคะแนนในตัวชี้วัดระหว่างทางได้น้อย
ในการเก็บคะแนนตัวชี้วัดระหว่างทางส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทักษะในแต่ละด้านของผู้เรียน
และเมื่อสะท้อนผลลัพธ์ของผู้เรียนจากใบกิจกรรม แบบฝึกหัด
พบว่าในส่วนของงานที่ใช้ความสามารถในการแก้ปัญหาผู้เรียนจะไม่สามารถทำได้หรือทำได้น้อย
ส่งผลถึงการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ซึ่งทางโรงเรียนได้มีนโยบายในการออกข้อสอบอัตนัยของวิชาหลักอย่างน้อยร้อยละ30
จากร่องรอยการตรวจข้อสอบของครูพบว่านักเรียนส่วนมากยังขาดทักษะการแก้ปัญหา
เมื่อเจอโจทย์ที่เป็นสถานการณ์ 2)
ปัจจัยด้านครูผู้สอน ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเดิม
ไม่เร้าใจความสนใจผู้เรียน
ควรพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนในขณะเรียนรู้หรือทำกิจกรรมในแต่ละชั่วโมงมุ่งให้เห็นว่าในชั่วโมงนี้จะพัฒนาความสามารถด้านใด
ควรเสริมโจทย์ปัญหาที่ใช้ความาสมารถในการแก้ปัญหาผู้เรียน เพื่อให้นักเรียนเกิดความคุ้นชิน
ออกแบบกิจกรรมการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ใช้สื่อการสอนที่เร้นใจและเหมาะสมกับผู้เรียน 3) ปัจจัยด้านสถานศึกษา
บรรยากาศการจัดการเรียนรู้ และผลการประเมินสมรรถนะผู้เรียนพบว่า
สมรรถนะความสามารถในการแก้ปัญหามีผลประเมินน้อยสุด
ผู้วิจัยจึงจะพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนในการพัฒนาสมรรถนะความสามารถในการแก้ปัญหา
โดยการเปิดชั้นเรียนของครูทุกคนผ่านกระบวนการ PLC-LS ซึ่งเป็นนโยบายของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์
และได้มีการกำกับติดตามการนิเทศภายในของโรงเรียนสนมวิทยาคารในทุกปีการศึกษา
เพื่อยกระดับคุณภาพของครูในการจัดการเรียนการสอน โดยใช้รูปแบบการบริหาร SNW – Model ซึ่งเป็นรูปแบบการบริหางงานของโรงเรียน
และใช้รูปแบบการสอนแบบ 6D – Model มาช่วยพัฒนาสมรรถนความสามารถในการแก้ปัญหาผู้เรียน
โดยพัฒนาจากแนวสอนของโพลยา (Poya. 1957 : หน้า 16-17) และแนวสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – Based Learning) (กระทรวงศึกษาธิการ. 2550 : หน้า 6-7)
วัตถุประสงค์
1.
เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยใช้รูปแบบ SNW-6D
Model ด้วยการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน (Lesson Study : LS) ผ่านชุมชนแห่งเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community
: PLC)
2.
เพื่อพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ของครู โดยใช้รูปแบบ SNW-6D
Model ด้วยการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน (Lesson Study : LS) ผ่านชุมชนแห่งเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community
: PLC)
3.
เพื่อพัฒนาสมรรถนะความสามารถในการแก้ปัญหาของผู้เรียน โดยใช้รูปแบบการสอน 6D-Modelด้วยการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน (Lesson Study : LS) ผ่านชุมชนแห่งเรียนรู้ทางวิชาชีพ
(Professional Learning Community : PLC)
วิธีวิจัย
1. ศึกษาวรรณกรรม/วิจัยที่เกี่ยวข้อง
โพลยา (Polya.
1957: หน้า 16)
ได้กล่าวถึงขั้นตอนหรือกระบวนการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ไว้ 4 ขั้นตอน
คือ ขั้นที่ 1การทำความเข้าใจปัญหา (Understanding the Problem) เป็นการมองไปที่ตัว ปัญหา โดยพิจารณาว่าโจทย์ถามอะไร
โจทย์กำหนดอะไรมาให้บ้าง ขั้นที่ 2
การวางแผนการแก้ปัญหา (Devising a Plan) เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะต้องพิจารณาว่าจะแก้ปัญหาด้วยวิธีใด
จะแก้ปัญหาอย่างไร ขั้นที่ 3 การดำเนินการตามแผน (Carrying
out the Plan) เป็นขั้นตอนที่ลงมือปฏิบัติการตามแผนที่วางไว้ขั้นที่
4 การตรวจสอบผล (Looking Back) เป็นขั้นตอนที่ผู้แก้ปัญหามองย้อนกลับไปที่
ขั้นตอน ต่าง ๆ ที่ผ่านมา
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2550)
ได้กล่าวถึงขั้นตอนของการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐานมีทั้งหมด
6 ขั้นตอน ดังนี้ กำหนดปัญหา ทำความเข้าใจกับปัญหา
ดำเนินการศึกษาค้นคว้า
ขั้นสังเคราะห์ความรู้ สรุปและประเมินค่าของคำตอบ
และนำเสนอและประเมินผลงาน
2.
สร้างนวัตกรรม
รูปแบบการสอน 6D-Model โดยมีขั้นตอนทั้งหมด 6 ขั้น ดังนี้
1. D1-Define (ระบุปัญหา) ผู้สอนจัดสถานการณ์ต่างๆ
เพื่อเอามาใช้กระตุ้นให้ ผู้เรียนเกิดความสนใจและมองเห็นปัญหา
สามารถกำหนดสิ่งที่เป็นปัญหาที่ผู้เรียนอยากรู้อยากเรียน ได้และเกิดความสนใจที่ จะค้นหาคำตอบ
2. D2-Diagnosing
(วิเคราะห์ปัญหา) ผู้เรียนพิจารณาว่าจะแก้ปัญหาด้วยวิธีใด
จะแก้ปัญหาอย่างไร นักเรียนต้องมองเห็นความสำคัญของข้อมูลต่าง ๆ ใน โจทย์ปัญหา อย่างชัดเจนมากขึ้น
ซึ่งเป็นขั้นที่ค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่โจทย์ถามกับข้อมูลหรือ
สิ่งที่โจทย์กำหนดให้
3. D3-Devise and Design (วางแผนและออกแบบแก้ปัญหา)
ผู้เรียนจะต้องทำความเข้าใจปัญหาที่ต้องการเรียนรู้ซึ่งผู้เรียนจะต้องสามารถอธิบายสิ่งต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาได้ และหาข้อมูลว่าจะใช้วิธีการใดมาช่วยในการแก้ปัญหา
4.
D4-Doing (ดำเนินการแก้ปัญหา)
ผู้เรียนจะลงมือปฏิบัติการตามแผนที่วางไว้
เพื่อให้ได้คำตอบของปัญหา
5. D5-Discussion (อภิปรายและแลกเปลี่ยน)
ผู้เรียนนำข้อมูลที่ได้มาจัดระดับองค์ความรู้
และนำเสนอเป็นผลงานในรูปแบบที่หลากหลาย
6. D6-Decision (ประเมินผล) ผู้เรียนทุกกลุ่มรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาร่วมกัน
ประเมินผลงาน
กรอบแนวคิดการใช้นวัตกรรม
SNW-6D
Model
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล
ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้แบบ 6D-Model และแบบประเมินสมรรถนะผู้เรียน
ผลการดำเนินการ
1.
ผู้เรียนมีสมรรถนะความสามารถในการแก้ปัญหาสูงกว่าค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
ตารางที่ 1
ผลการประเมินสมรรถนะผู้เรียน ปีการศึกษา 2567
2.
ได้นวัตกรรมรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมรรถนะความสามารถในการแก้ปัญหาผู้เรียนแบบ
6D Model โดยใช้
SNW Model ด้วยการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน (Lesson
Study : LS) ผ่านชุมชนแห่งเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional
Learning Community : PLC)
3. ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน O-Net ม.3 และม.6
ปีการศึกษา2566 สูงกว่าระดับประเทศ
ภาพที่
1แสดงผลการทดสอบระดับชาตขั้นพื้นฐาน (O-Net) ม.3 ปีการศึกษา
2566
ภาพที่ 2
แสดงผลการทดสอบระดับชาตขั้นพื้นฐาน (O-Net) ม.6 ปีการศึกษา
2566
4. ครูทุกคนมีการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วย
6D Model ด้วยกระบวนการ
PLC-LS
ดังนี้
จำนวนครูทั้งหมด 52 คน เปิดชั้นเรียนออนไลน์ 52 คน คิดเป็นร้อยละ 100
กลุ่มสาระการเรียนรู้ |
จำนวนครู (คน) |
เปิดชั้นเรียน
(คน) |
การงานอาชีพ |
8 |
8 |
คณิตศาสตร์ |
8 |
8 |
ที่อยู่อ้างอิง (URL) : https://publish.vichakan.net/show/1005 จำนวนการเข้าชม : 42 ครั้ง |