Vichakan.net - เผยแพร่ผลงานวิชาการ

ชื่อเรื่อง KWANG MODEL To NATSIN

ผู้วิจัย ว่าที่ ร.ต.หญิงจุฑามณี ไชยสงคราม

ปีการศึกษา 2568

วันที่เผยแพร่ 2 มิถุนายน 2568

บทคัดย่อ

KWANG MODEL To NATSIN

          นวัตกรรม KWANG MODEL To NATSIN  โดยนำแนวคิดกระบวนการบริหารจัดการเชิงระบบ (Boulding & Bertalanfly : 1920) ร่วมกับ วงจรบริหารงานคุณภาพ (PDCA) หรือ วงจร Deming (William Edwards Deming : 1980) นการช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุนครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ควบคู่กับคุณธรรม ยกระดับการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21 โดยสามารถนำรูปแบบโมเดลนี้ ไปปรับใช้ได้กับการนิเทศการศึกษาทุกรูปแบบ ซึ่งนำมาใช้กับ แผนการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติของผู้เรียน โดยใช้กระบวนการ KWANG MODEL To NATSIN ดังรายละเอียดต่อไปนี้

P - PLAN

D - DO

C - CHECK

A - ACT

Knowledge Management

win

Adaptability

Network

Goal

- การวางแผนการจัดการความรู้โดยวิเคราะห์สภาพจริง,นโยบายต้นสังกัด

จุดเน้น สนง.เขตพื้นที่,

วางแผนและกำหนดเป้าหมาย

- การเปิดโอกาสให้มีการระดมสรรพกำลังของทุกภาคส่วน

ช่วยเหลือสนับสนุนครูและสถานศึกษาในด้านต่างๆให้ประสบผลสำเร็จ สู่เป้าหมายความเป็นเลิศ

- การนิเทศ กำกับติดตาม

โดยการเปิดโอกาสให้มีการระดมสรรพกำลังของทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และปรับตัวรู้รอบด้าน

- ก้าวไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ร่วมกัน โดยนำผลการดำเนินงาน สรุปรายงานและหาแนวทางปรับปรุงเพื่อพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ


PLAN วางแผน Knowledge Management การจัดการความรู้

๑. ศึกษา วิเคราะห์นโยบาย และจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ และ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ เพื่อเสริมสร้างทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ของผู้เรียน

๒. วิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศและผลการดำเนินงานขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ ของสถานศึกษา

๓. กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ กำหนดปฏิทินการนิเทศ และสร้างเครื่องมือการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์

DO ปฏิบัติ win ลงมือทำให้สำเร็จมุ่งสู่ความเป็นเลิศ

  ๔. พัฒนาครูร่วมกับหน่วยงานทางการศึกษาอื่นเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสถานศึกษาในสังกัดในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์

๕. ส่งเสริมสนับสนุนการใช้รูปแบบ/เทคนิค/วิธีการ/กิจกรรม สื่อนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ใช้ในการขับเคลื่อนดำเนินงานจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ ของสถานศึกษาในสังกัดทั้งระบบ ที่สอดคล้องกับความต้องการและบริบทของโรงเรียน

Check ตรวจสอบ Adaptability Network ปรับตัวรู้รอบด้าน สร้างเครือข่ายระดมสรรพกำลัง

๖. ประสานความร่วมมือในการสร้างเครือข่ายการพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ ร่วมกับหน่วยงานทางการศึกษาและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง

๗. นิเทศ ติดตาม และประเมินผลการขับเคลื่อนการดำเนินงานและพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง

๘. จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อแลกเปลี่ยนและเผยแพร่รูปแบบ เทคนิค วิธีการ จัดการเรียนรู้ และนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์

ACT ปรับปรุงและพัฒนาGoal ก้าวไปสู้เป้าหมายที่กำหนดไว้

๙. ประเมินผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ ต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เกิดทักษะการปฏิบัติทางนาฏศิลป์

๑๐. สรุปรายงานผลการนิเทศเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงพัฒนาในครั้งต่อไปให้ดียิ่งขึ้น

๑๑. สร้างขวัญและกำลังใจ ยกย่องเชิดชูเกียรติ และเผยแพร่ผลความสำเร็จ (Best Practice)

 

NATSIN

N-Needs – ความต้องการ

           วิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการในการพัฒนาศักยภาพของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบเชิงรุก (Active Learning) ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระนาฏศิลป์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้และมีทักษะการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามหลักจารีตและรูปแบบของนาฏศิลป์ไทย

A-Activity – เสริมสร้างกิจกรรม

               จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพตามความจำเป็นและความต้องการตามบริบท เพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ทางนาฏศิลป์ไทยให้ตรงตามเป้าหมายไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระนาฏศิลป์ เพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เกิดทักษะ กระบวนการคิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ในผลงานของตนเอง และสามารถลงมือปฏิบัติทักษะทางนาฏศิลป์ไทยได้จริง

T-Technology - ก้าวล้ำเทคโนโลยี

           มีเครื่องมือสื่อเทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอน สามารถใช้ประโยชน์จากสื่อเทคโนโลยี ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชานาฏศิลป์ ตลอดจนมีคลิปสื่อนวัตกรรมทางนาฏศิลป์เป็นของตนเอง เพื่อใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนในการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้เกิดทักษะกระบวนการเรียนรู้ในด้านต่างๆตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ในแต่ละกิจกรรมได้

S-Swot Analysis – วิเคราะห์จุดเด่น - จุดด้อย

           วิเคราะห์จุดเด่น – จุดด้อย ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต จุดที่ควรพัฒนา เช่น ครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ที่ไม่ได้จบตรงสาขาวิชาเอกนาฏศิลป์ แต่มีความจำเป็นต้องสอนรายวิชานาฏศิลป์ที่ต้องได้รับการพัฒนาทักษะทางนาฏศิลป์ รวมถึงครูที่จบตรงสาขาวิชาเอกนาฏศิลป์ก็ต้องได้รับการพัฒนาทักษะ ความรู้ และควรต้องได้รับการฝึกฝนฝีมืออยู่เสมอ ตลอดจนมีเครือข่ายความรู้ทางนาฏศิลป์ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการทบทวนความรู้ในรายวิชาทักษะปฏิบัติ ผู้บริหาร และคณะครูผู้สอน รู้สภาพปัญหาของตนเองและความจำเป็นที่ต้องการพัฒนา ตลอดจนจุดเด่นในด้านความสามารถของตนเองในการช่วยเป็นพี่เลี้ยง เป็นผู้ช่วยพัฒนาครูที่ไม่ได้จบตรงสาขาวิชาเอกนาฏศิลป์ จุดเด่นของสถานศึกษาในด้านนาฏศิลป์ เช่น มีห้องนาฏศิลป์ที่มีความพร้อม สามารถใช้ฝึกซ้อมงานการแสดงต่าง ๆได้เป็นอย่างดี สามารถเอื้อเฟื้อสถานที่ต่อสถานศึกษาอื่น หรือ เขตพื้นที่ฯในฝึกซ้อมและเตรียมความพร้อมงานแสดงต่างๆได้ และรวมถึงจุดเด่นในด้านความสามารถของนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษทางด้านนาฏศิลป์ไทยที่ควรได้รับการส่งเสริมพัฒนาสู่ความเลิศ

I-Integration – การบูรณาการและกระจายอำนาจ

               การบูรณาการในรายวิชานาฏศิลป์เข้ากับการเรียนการสอนรายวิชาอื่น เช่น ทักษะการแสดง รูปแบบการแปรแถว ทักษะการนับจังหวะ ทักษะการออกแบบฉาก แสง สี เสียง การประดิษฐ์อุปกรณ์การแสดง การออกแบบเครื่องแต่งกาย ทักษะความกล้าแสดงออก ความรู้ทางด้านวัฒนธรรม หรือมารยาทตามรูปแบบจารีตนาฏศิลป์ไทย เป็นต้น อีกทั้งสามารถนำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ โดยมีการสร้างเครือข่ายทางนาฏศิลป์ ระดมสรรพกำลังในการพัฒนา และการกระจายอำนาจการเป็นเครือข่ายความรู้ โดยครูผู้จบตรงสาขาวิชาเอกนาฏศิลป์ สามารถให้คำแนะนำปรึกษาแก่ครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ที่ไม่ได้จบตรงสาขาวิชาเอกนาฏศิลป์ได้ ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น

N-Nurture - หนุนนำให้ก้าวหน้า

           การส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา ครูให้มีความก้าวหน้าในการทำงาน เช่น การอบรมพัฒนาครูเพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในรายวิชานาฏศิลป์ รวมถึงการจัดกิจกรรมการแข่งขันต่าง ๆ เพื่อพัฒนาทักษะความรู้แก่ครูและผู้เรียน สร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน ยกย่องเชิดชูเกียรติ และเผยแพร่ผลงานความสำเร็จ (Best Practice) ส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลไปสู่ตัวผู้เรียน