ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรม ของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา)
ผู้วิจัย นายไกรศร แก้วหอด
ปีการศึกษา 2568
วันที่เผยแพร่ 7 สิงหาคม 2568
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) 2. เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครู โรงเรียนเทศบาล1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) 3. เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) 4. เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) โดยใช้กรอบแนวคิดการวิจัย และพัฒนา (Research and Development (R & D)) ประกอบด้วย 4 ระยะ ระยะที่ 1 การวิจัย (Research : R1) เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน (Analysis : A) การวิเคราะห์สภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ในการพัฒนาการบริหารเพื่อเสริมสร้างศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโดยการสอบถามผู้บริหารโรงเรียนโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) ระยะที่ 2 การพัฒนา (Development : D1) ออกแบบและพัฒนา (Design and Develop: D&D) รูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) ระยะที่ 3 การวิจัย (Research : R2) ทดลองใช้ (Implement : l) รูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) และระยะที่ 4 การพัฒนา (Development : D2) ประเมินผล (Evaluation : E) รูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) กลุ่มผู้ร่วมวิจัย ประกอบด้วย ครูประจำการในโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) จำนวน 54 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 158 คน โดยการเก็บข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เครื่องที่ใช้ในการวิจัย คู่มือการใช้รูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) แบบประเมินความรู้ของครูในการจัดการเรียนรู้ แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก แบบสังเกตการจัดการเรียนรู้เชิงรุก แบบทดสอบความรู้ของครูในการจัดการเรียนรู้ และแบบประเมินทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมของผู้เรียน สถิติที่ใช้เป็นสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย () และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัยพบว่า
1. การศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) สภาพปัจจุบันของการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) โดยรวมและรายด้านทุกด้าน อยู่ในระดับปานกลาง และสภาพที่พึงประสงค์ของการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) โดยรวมและรายด้านทุกด้าน อยู่ในระดับมากที่สุด
2. การพัฒนารูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) สรุปผลได้ ดังนี้
2.1 ผลการพัฒนารูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี สามารถสรุปได้ว่า การพัฒนารูปแบบต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีการตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบในทุกขั้นตอนของการพัฒนารูปแบบ องค์ประกอบสำคัญของรูปแบบประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการของรูปแบบ 2) ความมุ่งหมายของรูปแบบ 3) เนื้อหาสาระของรูปแบบ 4) กิจกรรมของรูปแบบ 5) การวัดและประเมินผล และ 6) เอกสารประกอบรูปแบบ (คู่มือการใช้รูปแบบ) และทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมของผู้เรียน ประกอบด้วย 1) ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา 2) ทักษะการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม และ 3) ทักษะการสื่อสารและการร่วมมือกัน
2.2 ผลการประเมินรูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) พบว่า โดยรวม รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) มีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ( = 4.59, S.D. = 0.49) สามารถนำไปใช้ได้
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) พบว่า ภายหลังการเข้ารับการทดลองใช้รูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) กลุ่มตัวอย่างมีความรู้ในการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครู ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม และความรู้ของครูในการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครู หลังการทดลองใช้หลักสูตร สูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ พบว่า โดยรวมมีคะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 88.67 ซึ่งผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ที่ตั้งไว้
4. ศึกษาผลการใช้รูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) พบว่า
4.1 ผลการพัฒนาหลังการเข้ารับการทดลองใช้รูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) กลุ่มตัวอย่างมีความรู้ในการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครู ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้ที่ ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม โดยภาพรวมมีคะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 88.81
4.2 ผลการเปรียบเทียบความรู้ของครูในการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครู ระหว่าง ก่อน และหลังการทดลองใช้รูปแบบการบริหารเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครูโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) พบว่า ความรู้ของครูในการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครู หลังการใช้หลักสูตรสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4.3 ผลการเปรียบเทียบความสามารถของครูในด้านการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของครู กับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ พบว่า โดยรวมมีคะแนนเฉลี่ยคิดเป็น ร้อยละ 87.33 ซึ่งผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ที่ตั้งไว้
4.4 ผลการเปรียบเทียบทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมของผู้เรียน หลังการจัดการเรียนรู้-->