ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนา การจัดการเรียนรู้ โรงเรียนสาธิตเทศบาลศรีสวัสดิ์วิทยา
ผู้วิจัย จิรัญญา เสนาฤทธิ์
ปีการศึกษา 2567
วันที่เผยแพร่ 19 สิงหาคม 2568
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ 2) ออกแบบและสร้างรูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ 3) ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยแบ่งการวิจัยออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหาร และครูสังกัดเทศบาลกลุ่มจังหวัดการศึกษาท้องถิ่นที่ 12 จำนวน 148 คน ได้มาโดยการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจากตารางเครซี่และมอร์แกน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบสัมภาษณ์ และแบบสอบถามสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนร่วม สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระยะที่ 2 ออกแบบและสร้างรูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้ทรงคุณวุฒิในการประเมินรูปแบบ จำนวน 7 คน สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระยะที่ 3 ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ กลุ่มเป้าหมาย คือ 1) พนักงานครูเทศบาลโรงเรียนสาธิตเทศบาลศรีสวัสดิ์วิทยา จำนวน 25 คน 2) คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 15 คน 3) นักเรียนเรียนร่วม จำนวน 34 คน 4) ผู้ปกครองนักเรียนเรียนร่วม จำนวน 34 คน สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระยะที่ 4 เพื่อประเมินรูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ครู มีความคิดเห็นสอดคล้องตรงกันว่า การจัดการศึกษาควรเล็งเห็นถึงการพัฒนาศักยภาพ และให้ความสำคัญกับการพัฒนานักเรียนเป็นรายบุคคล และพบว่า สภาพปัจจุบันของการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนร่วม อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนสภาพที่พึงประสงค์ ของการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนร่วม อยู่ในระดับมากที่สุด และผลการศึกษาความต้องการจำเป็นในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนร่วม พบว่า ต้องการให้เด็กที่มีความต้องการพิเศษ ได้รับการพัฒนาให้ยกระดับความสามารถให้มากยิ่งขึ้น รองลงมา คือ เพื่อนนักเรียนให้การยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล และพร้อมให้การช่วยเหลือและพัฒนาความสามารถ และ มีหน่วยงานสนับสนุนในการพัฒนาผู้เรียนที่หลากหลาย
2. ผลการออกแบบและสร้างรูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ รูปแบบที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการดำเนินงาน 3.1) การวางแผน 3.2) การจัดการเรียนรู้ 3.3) ความช่วยเหลือ 3.4) การสนับสนุน 3.5) เครือข่ายการพัฒนา 3.6) การปรับปรุงและส่งต่อ 4) การประเมินผล 5) ปัจจัยความสำเร็จ โดยผลการประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด
3. เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้
3.1 ผลการศึกษาความรู้ ความเข้าใจของครูในการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ พบว่า ครูมีความรู้ ความเข้าใจในการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด สามารถจัดระบบการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และส่งเสริมการเรียนร่วมของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษได้
3.2 ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย พบว่า นักเรียนกลุ่มเป้าหมายได้รับการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพัฒนาขึ้นทุกคน
3.3 ศึกษาความพึงพอใจของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครอง และนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ พบว่า ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครอง และนักเรียนมีความพึงพอใจในการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษาอยู่ในระดับมากที่สุด
4. ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนร่วม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ พบว่า ผู้ทรงคุณวุฒิ มีความเห็นว่ารูปแบบ มีความถูกต้อง อยู่ในระดับมากที่สุด มีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด มีความเป็นไปได้ อยู่ในระดับมากที่สุด และมีความเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุด ทั้งนี้ ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้มีข้อเสนอแนะให้พิจารณากำหนดเกณฑ์การนำนักเรียนเข้ารับการพัฒนาให้มีความหลากหลาย นอกจากเด็กนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษแล้ว ควรพิจารณาให้นักเรียนที่เรียนอ่อน ได้รับการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย