ชื่อเรื่อง กลยุทธ์การบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของวิทยาลัยการอาชีพสตึก
ผู้วิจัย นายวิโรจณ์ ทองเรือง
ปีการศึกษา 2568
วันที่เผยแพร่ 27 สิงหาคม 2568
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการดำเนินงาน สภาพที่พึงประสงค์ ความต้องการจำเป็น และองค์ประกอบของกลยุทธ์การบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของวิทยาลัยการอาชีพสตึก 2) สร้างกลยุทธ์การบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของวิทยาลัยการอาชีพ สตึก 3) ทดลองใช้กลยุทธ์การบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของวิทยาลัยการอาชีพสตึก และ 4) ประเมินผลการใช้กลยุทธ์การบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของวิทยาลัยการอาชีพสตึก
ผลการวิจัยพบว่า
1.
ผลการศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์
ความต้องการจำเป็น และองค์ประกอบของ กลยุทธ์การบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของวิทยาลัยการอาชีพสตึก
พบว่า กลยุทธ์ประกอบด้วย 7
ขั้นตอน ได้แก่ การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม การกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ
เป้าหมาย กลยุทธ์ การวางแผนดำเนินงาน/โครงการ และการติดตามประเมินผล
โดยภาพรวมสภาพการดำเนินงานอยู่ในระดับปานกลาง
แต่สภาพที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด มีค่าดัชนีความต้องการจำเป็น (PNI)
เท่ากับ 0.30 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาสูง
โดยเรียงลำดับความต้องการจำเป็นจากมากไปน้อย ได้แก่
ด้านสมรรถนะวิชาชีพ สมรรถนะทั่วไป สมรรถนะหลัก ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และคุณลักษณะที่พึงประสงค์
2. ผลการสร้างกลยุทธ์การบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของวิทยาลัยการอาชีพ
สตึก พบว่า กลยุทธ์การบริหารแบบมีส่วนร่วมที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย วิสัยทัศน์
“ภายในปีการศึกษา 2566
ผู้เรียนวิทยาลัยการอาชีพสตึกเป็นคนดี มีความรู้
มีความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนจากทุกภาคส่วน”
พันธกิจ 5 ประการ เป้าหมาย 3 ประการ
และประเด็นกลยุทธ์ 5 ด้าน ได้แก่ (1) ส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุกและสมรรถนะทางวิชาการ
(2) พัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (3)
พัฒนาทักษะวิชาชีพและทักษะชีวิตในศตวรรษที่ 21 (4) สร้างภาคีเครือข่ายความร่วมมือ และ (5) พัฒนาระบบบริหารจัดการและบุคลากร
โดยมีกิจกรรมและโครงการย่อยที่สามารถปฏิบัติได้จริงและสอดคล้องกับเป้าหมาย
3. ผลการทดลองใช้กลยุทธ์การบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของวิทยาลัยการอาชีพสตึก
พบว่า การทดลองใช้กลยุทธ์ส่งผลให้ผู้เรียนมีพัฒนาการอย่างชัดเจน
ทั้งด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ สมรรถนะหลัก สมรรถนะทั่วไป
และสมรรถนะวิชาชีพ โดยมีอัตราการผ่านเกณฑ์สูงกว่า ร้อยละ 95 ในหลายด้าน นอกจากนี้ นักเรียนสำเร็จการศึกษาร้อยละ 100 และส่วนใหญ่ศึกษาต่อหรือมีงานทำครูและบุคลากรมีการพัฒนาทักษะเฉลี่ยร้อยละ 93.75
และสถานศึกษาได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายรวม 77 แห่ง รวมทั้งได้รับรางวัลระดับชาติและนานาชาติ
และมีหน่วยงานเข้าศึกษาดูงาน จำนวนมาก
4. ผลการประเมินกลยุทธ์การบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของวิทยาลัยการอาชีพสตึก พบว่ากลยุทธ์มีความเป็นไปได้ในระดับมาก และมีความเป็นประโยชน์ในระดับมากที่สุด โดยเฉพาะการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ การพัฒนาครูและการส่งเสริมทักษะวิชาชีพของผู้เรียน อันนำไปสู่ การยกระดับคุณภาพผู้เรียนและคุณภาพการศึกษาของวิทยาลัยอย่างยั่งยืน
คำสำคัญ: การบริหารแบบมีส่วนร่วม, คุณภาพผู้เรียน, วิทยาลัยการอาชีพ