ชื่อเรื่อง การพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรม ท้องถิ่นใต้ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (นาฏศิลป์) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย ศศิธร ระเบียบพล
ปีการศึกษา 2567
วันที่เผยแพร่ 3 กันยายน 2568
บทคัดย่อ
การวิจัย เรื่อง การพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน เรื่อง
ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้
โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (นาฏศิลป์) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้
เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู
วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ
PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู
วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ดังนี้ (1) ศึกษาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ ก่อนเรียนและหลังเรียน
โดยใช้รูปแบบ การจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ (3) ศึกษา ความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ
PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู
วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 4) ขยายผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบ PDP3A สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ห้อง 5 ที่เรียนรายวิชานาฏศิลป์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 30 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง
เนื่องจากเป็นชั้นเรียนที่ผู้วิจัยเป็นคุณครูประจำชั้น สะดวกในการบริหารจัดการ ชั้นเรียน
และเป็นชั้นเรียนที่ประกอบด้วยนักเรียนกลุ่มเก่ง ปานกลางและอ่อนในห้องเดียวกัน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย จำแนกตามขั้นตอนของการวิจัย ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร
และแบบสัมภาษณ์ ขั้นตอนที่ 2 ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 คู่มือการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้
ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ได้แก่
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบประเมินทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน
และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย
ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติแบบไม่อิสระและแบบอิสระ และการวิเคราะห์เนื้อหา
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ผู้วิจัยได้ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเชิงนโยบายการจัดการศึกษาโดยการวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎี
ที่ใช้ในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้
และจากการศึกษาความต้องการรวมถึงแนวทางการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ พบว่า
สภาพปัจจุบันด้านการจัดการเรียนรู้รายวิชานาฏศิลป์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ครูผู้สอนจัดการเรียนการสอนตามความสะดวกโดยยึดครูเป็นศูนย์กลาง
ทั้งยังจัดการเรียนการสอนโดยขาดการใช้สื่อและนวัตกรรม
ขาดการวางแผนและการประเมินผลที่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้
นอกจากนี้ยังพบว่านักเรียนไม่สามารถนำสื่อนวัตกรรมไปฝึกปฏิบัติได้ด้วยตนเองในทุกเวลา
ทำให้การฝึกท่ารำไม่อ่อนช้อย สวยงามตามรูปแบบได้
ทำให้ผู้เรียนเกิดความเบื่อหน่ายในวิธีการสอนของครู
จึงส่งผลให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชานาฏศิลป์ (สาระนาฏศิลป์) ไม่เป็นไปตามค่าเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด
2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบเชิงหลักการและวัตถุประสงค์
องค์ประกอบเชิงกระบวนการและองค์ประกอบเชิงเงื่อนไขการนำไปใช้
กระบวนการจัดการเรียนรู้ 6 ขั้นตอน องค์ประกอบเชิงกระบวนการ
แบ่งการดำเนินการเป็น 6 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นรับรู้ (Perception) ขั้นสาธิต (Demonstration) ขั้นฝึกปฏิบัติทักษะย่อย (Practice) ขั้นฝึกปฏิบัติจนชำนาญ (Associative Phase) ขั้นเชี่ยวชาญ (Autonomous Phase) และขั้นประยุกต์ใช้ (Adaptation) ผลการตรวจสอบคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญ 5 คน
ได้ค่าความเหมาะสม/สอดคล้องมีค่าเฉลี่ย () ตั้งแต่
4.60-4.80 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ตั้งแต่ 0.43-0.55 ซึ่งแสดงว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสม/สอดคล้องเชิงโครงสร้าง
สามารถนำไปทดลองใช้ได้
3. ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า
3.1 ผลการหาประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 83.24/82.78
สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80
3.2
ผลการประเมินทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้านโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติท่ารำ หลังการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A ได้คะแนนคิดเป็นร้อยละ 84.65 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 80
3.3 ผลสัมฤทธิ์การจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์ เรื่อง
ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3.4
ความพึงพอใจหลังการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ
PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมากที่สุด
( = 4.56, S.D. = 0.51)
4. ผลการขยายผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
4.1 ผลการหาประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
3 ได้ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 83.04/82.08 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
80/80
4.2
ผลการประเมินทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้านโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์
เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่
3 นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติท่ารำ
หลังการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A ได้คะแนน คิดเป็นร้อยละ 83.04 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 80
4.3 ผลสัมฤทธิ์การจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PDP3A เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์พื้นบ้าน เรื่อง ระบำมโนราห์โรงครู วัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที