Vichakan.net - เผยแพร่ผลงานวิชาการ

ชื่อเรื่อง รายงานผลการพัฒนา โครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านน้ำพุปางวัว สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

ผู้วิจัย นางชุติกาญจน์ รัตนะ

ปีการศึกษา 2567

วันที่เผยแพร่ 24 กันยายน 2568

บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง  รายงานผลการพัฒนา โครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน

โรงเรียนบ้านน้ำพุปางวัว   สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิเขต 2  โดยใช้รูปแบบ CIPPIEST Model

ผู้วิจัย นางชุติกาญจน์  รัตนะ    ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา

วิทยฐานะ ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ 

โรงเรียนบ้านน้ำพุปางวัว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

ปีที่วิจัย 2567

 

บทคัดย่อ

 

การรายงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อประเมินผลโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้วัตถุประสงค์ของการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยใช้รูปแบบ CIPPIEST Model 2) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและอุปสรรคของการดำเนินงานโครงการ 3) เพื่อประเมิน                          ความพึงพอใจในความสำเร็จของโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน                                 โรงเรียนบ้านน้ำพุปางวัว ผู้รายงานใช้วิธีเลือกกลุ่มตัวอย่างจากประชากร  จำนวน  203  คน                                ทั้งผู้บริหารโรงเรียน  ครู   ผู้ปกครองนักเรียน  คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและนักเรียนได้สุ่มกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 203  คน  โดยการเลือกแบบเจาะจง  (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินโครงการ  คือ  เครื่องมือที่ผู้รายงานได้สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการเก็บข้อมูล มี 2  แบบ 7  ตอน  ได้แก่แบบสำรวจรายการ  (Checklist)  และแบบมาตราส่วนประมาณค่า  (Rating  Scale)  วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน  และวิเคราะห์ข้อมูล  เชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา 

ผลการศึกษา พบว่า

1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการประเมินสภาพแวดล้อมโครงการเพื่อการพิจารณาความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการประเมิน (C)  พบว่า  ความสอดคล้องระหว่างวัตถุประสงค์ ของการประเมินโครงการกับสภาพแวดล้อมของโครงการ  ปัจจัยที่นำมาใช้ในการดำเนินโครงการกระบวนการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน  ผลผลิตและผลต่อเนื่องของโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนมีความสอดคล้องในระดับร้อยละ  100

2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการประเมินความพร้อมด้านปัจจัย   ที่นำใช้ในการดำเนินงานโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน  ความคิดเห็นของครูและผู้บริหารโรงเรียน  พบว่า  ปัจจัยที่นำมาใช้ในการดำเนินงานโครงการมีความพร้อมและ/หรือมีความเพียงพอทั้ง  4  ด้าน                      มีค่าเฉลี่ยร้อยละระหว่าง    88.06 – 97.01

3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการประเมินด้านกระบวนการพัฒนาครู  ผู้ปกครอง  กรรมการสถานศึกษา  นักเรียนในโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน  พบว่ากระบวนการพัฒนาตามโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน  ในภาพรวมมีการดำเนินงานในระดับดีมากหรือปฏิบัติมาก  มีค่าเฉลี่ย (X) เท่ากับ  4.25  ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน  (S.D.)  เท่ากับ  0.71

4. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการประเมินผลผลิต  โครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามความคิดเห็นของครูและผู้บริหารโรงเรียน  ภาพความสำเร็จซึ่งเป็นผลผลิตของผลการดำเนินโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน  ในภาพรวมมีผลผลิตของการดำเนินงานในระดับดีมาก  มีค่าเฉลี่ย (X) เท่ากับ  4.27ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน  (S.D.)  เท่ากับ  0.73

5. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการประเมินผลต่อเนื่องหรือผลลัพธ์ซึ่งเกิดจากผลผลิตของโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน  พบว่าภาพความสำเร็จซึ่งเป็นผลต่อเนื่องที่เกิดจากผลผลิตของโครงการคือ  คุณภาพของนักเรียนโดยภาพของนักเรียนโดยภาพรวม  อยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ย(X) เท่ากับ  4.24 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน  (S.D.)  เท่ากับ  0.68  ระดับคุณภาพดีมาก

6. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของครู  ผู้บริหาร  กรรมการสถานศึกษา  ผู้ปกครองและนักเรียนที่มีต่อโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน  พบว่ามีความพึงพอใจต่อโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในระดับมากที่สุด

7. ปัญหา/อุปสรรค/ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม

7.1 ในการประชุมอบรม  ผู้ปกครองนักเรียน/ กรรมการสถานศึกษาแต่ละครั้ง  ผู้ปกครองนักเรียนที่มีอาชีพรับจ้าง/ทำไร่  ทำนา  ทำสวน/ประกอบธุรกิจส่วนตัว  มักจะมาไม่ครบ  ในบากครั้งที่มีการประชุมบางคนก็ส่งตัวแทนมาประชุม  ความเข้าใจในระบบของโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอาจไม่สมบูรณ์ครบถ้วน  ผู้วิจัยแก้ปัญหาโดยมอบเอกสารแนวทางดำเนินการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนไปศึกษาด้วยตนเอง

7.2 การดูแลช่วยเหลือนักเรียน  เป็นกระบวนการที่สามารถบูรณาการจักการเรียนรู้แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามปกติได้  ไม่จำเป็นต้องแยกส่วนออกจากการจัดการเรียนรู้โดยสิ้นเชิง  เช่น  ทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในการดำรงชีวิตของนักเรียน  เป็นต้น  สามารถบูรณาการได้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้

7.3 ความเป็นกัลยาณมิตรของครูในโรงเรียนทุกคน  เป็นเรื่องที่สำคัญมาก  ที่จะส่งผลต่อการประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง  องค์กรท้องถิ่น  ชุมชนในการดำเนินงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน  ให้ประสบผลสำเร็จตามโครงการ  ซึ่งโรงเรียนบ้านน้ำพุปางวัว  มีความพร้อมใน      เรื่องนี้  จึงส่งต่อการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้อย่าเข้มแข็ง