Vichakan.net - เผยแพร่ผลงานวิชาการ

ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะ การแก้ปัญหา เรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว โดยใช้ การจัดการเรียนรู้แบบกรณีศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ผู้วิจัย ศิรประภา จังพานิช

ปีการศึกษา 2566

วันที่เผยแพร่ 11 สิงหาคม 2567

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน เรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกรณีศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดแก้ปัญหาก่อนและหลังเรียน เรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกรณีศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2  กลุ่มตัวอย่างวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 2/9
โรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา จังหวัดนครปฐม  ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 43 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling)  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกรณีศึกษาของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 3 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมาย
ที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกรณีศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน
1 ฉบับ เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย 4 ตัว เลือก กำหนดให้ค่าคะแนน คือ ตอบถูกได้ 1 คะแนน ถ้าตอบผิด 0 คะแนน จำนวน 20 ข้อ
3) แบบประเมินทักษะการคิดแก้ปัญหา เรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกรณีศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งเป็นแบบทดสอบประเภทอัตนัย  โดยกำหนดแบบประเมินกรณีศึกษา เพื่อพัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา เรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัวที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นจากการสังเคราะห์เอกสาร ประกอบด้วย 5 ขั้น ดังนี้ 1) การระบุปัญหา 2) การระบุสาเหตุของปัญหา 3) การเสนอทางเลือกในการแก้ปัญหา 4) การบอกวิธีการปฏิบัติเพื่อการแก้ปัญหา และ 5) การประเมินผลจากการแก้ปัญหา จำนวน 5 กรณีศึกษา ขั้นละ 4 คะแนน ซึ่งมีการประเมินอิงเกณฑ์รูบริค (Rubric Scores) ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นการวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยสถิติใช้ คือ ค่าเฉลี่ย () และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และและการใช้สถิติทดสอบค่าที แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (t-test for dependent)

ผลการวิจัย พบว่า

          1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกรณีศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

          2) ทักษะการคิดแก้ปัญหา เรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกรณีศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .05